Monday 21 July 2008

ฤดูน้ำหลาก

หมดจากฤดูฝน ที่บ้านผมก็เข้าฤดูน้ำหลาก น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยราวๆ เดือนกันยายนของทุกปี แล้วก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ


ด้วยเหตุที่อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทองนั้น เป็นอำเภออกแตก หมายความว่าที่อำเภอนี้มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่ากลางอำเภอ อีกทั้งตลาดป่าโมกก็มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ดังนั้น ตั้งแต่เด็ก อย่างน้อยทุกสองปี ที่บ้านผมจะต้องเผชิญกับอุทกภัย หรือน้ำท่วมเป็นประจำ


ตั้งแต่เด็ก ผมชอบมากเวลาน้ำท่วม ตามวิสัยของเด็ก เพราะผมจะได้เล่นน้ำ ได้ตกปลาที่หน้าบ้าน หรือใกล้ๆบ้านนั่นแหละ ตั้งแต่เด็กผมจึงเรียนรู้เรื่องราวมากมายจากน้ำที่ท่วมที่ตลาดป่าโมก


  • การเดินทางไปไหนยามน้ำท่วม เรือกลายเป็นพาหนะที่สำคัญ ผมต้องฝึกพายเรือตั้งแต่เด็ก ดังนั้นการพายเรือสำหรับผมมันหมูๆ ไม่ว่าจะเป็นการพาย งัด ถ่อ แจว โอ๊ยอย่าให้เซด หรือจะเรืออีป๊าบ อีโปง เรือเข็ม เรือขุด แต่การเดินทางโดยเรือมันอาศัยเวลาเป็นอย่างมาก จำได้ว่าประมาณปี 2537 น้ำท่วมใหญ่ ผมต้องพายเรือไปซื้อน้ำตาลทรายสักกิโล ถ้าปกติขี่รถมอเตอร์ไซด์ ก็ ไม่เกิน 10 นาที แต่วันนั้นผมพายเรือไปกลับเกือบชั่วโมง

  • พาย ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในการดำรงชีวิต เชื่อไหมว่าผู้คนห่วงพายมากกว่าเรือเสียอีก เพราะพายคู่ใจที่ดีก็เสมือนการมีอาวุธคู่กายที่ดี ดังนั้นเวลาผู้คนเดินทางไปไหน พอจอดเรือได้ที่ ก็เดินถือพายมาช็อปปิ้งซื้อข้าวของกันให้ควั่ก

  • ใครจะนึกว่าการตกปลาที่หน้าบ้านในยามน้ำท่วมนั้น มันท่าจะง่าย ไม่หรอกครับ ไม่ง่าย เพราะจากประสบการณ์ผมเรียนรู้ว่า เมื่อน้ำมาปลาจะไม่มี เราต้องรอให้น้ำขึ้นและคงตัว คือไม่ขึ้นไม่ลง ไม่ไหลแรง ยามนั้นย่อมได้เวลาลงเบ็ดแล้ว แล้วปลาอะไรที่มักจะได้ ส่วนมากก็เป็นปลาซิว ปลากระแหทอง ปลาสังกะวาส ปลาหมอ ปลาสลิด แต่เชื่อไหมในชีวิตผมเคยตกได้ปลาทองอ่ะ

  • การจับปลาจำนวนมากโดยเฉพาะปลาซิว ซึ่งมีตัวเล็กนั้น หากเราจะนั่งตกทีละตัวละก็ยากส์ ดังนั้นวิธีที่จะได้ปลาซิวเยอะๆในคราวเดียว ก็คือ การเอากระด้งตะล่อม ๆไปช้อนปลาซิวที่มาเล่นแสงไปตามทางนั่งเอง ช้อนทีเดียวก็ได้เป็นสิบตัวแล้ว

  • การอาบน้ำ ก็ใช้น้ำที่ท่วมนั่นแหละอาบ แต่ใครจะรู้ว่าการนั่งอาบน้ำที่หน้าบ้านของตัวเอง หาได้สามารถทำได้ทุกเวลาที่อยากนะ เพราะเวลาที่สามารถอาบได้คือหกโมงเย็น จากนั้นก็ต้องรอให้พ้นสามทุ่มไปแล้ว เพราะอะไรนั่นเหรอ ก็เพราะว่าเวลา หกโมงเย็นถึงสามทุ่ม ทุกบ้านเขาจะล้างจานนะสิ ฟองนี้ฟอด ลอยฟ่องมาเลย แล้วใครจะกล้าสระผมล่ะ

  • พูดถึงระดับน้ำแล้ว ในชีวิตผมน้ำที่ท่วมสูงสุดที่ผมเจอก็คือน้ำท่วมในปี 2537 เพราะปีนั้นที่บ้านผมน้ำท่วมสูง 2.10 เมตรทีเดียว ดังนั้นหากใครไปบ้านผมตอนนี้ แล้วสงสัยว่า ทำไมมุมบ้านผมด้านบนมันถึงบิ่นเป็นรอยเต็มไปหมด ก็ขอบอกว่าไอ้รอยเหล่านั้น มันคือรอยเรือชน


ตราบเท่าทุกวันนี้ ตลาดป่าโมกก็ยังคงเผชิญชะตากรรมดังกล่าวอยู่ทุกปี

Saturday 19 July 2008

Friends

เพื่อนเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นคนดีมีคุณค่าแก่สังคมและประเทศชาติ


หากเราจะนั่งคิดถึงเรื่องราวในสมัยเด็ก และถ้าทุกคนเกิดขึ้นมาในยุดเดียวกับผม ทุกคนต้องนึงถึงสิ่งที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้อย่างแน้แท้


ตั้งแต่เด็กเพื่อนๆของผมที่ผมรู้จักและเจริญเติบโตขึ้นมาพร้อมกับผมคงไม่อาจไม่กล่าวถึง มานี ชูใจ ปิติ วีระ เจ้าจ๋อ เจ้าโต สีเทาและเจ้าแก่


ที่ผมมาเขียนความทรงจำในวัยเด็กครั้งนี้ก็เพื่อจดจำเพื่อนๆเหล่านี้ของผม ที่ครั้งนึงเคยเจอกันทุกวัน


น่าเสียดายที่เด็กในบุคหลังกลับไม่เคยพบ หรือเจอตัวละครที่เคยโลดแล่นเป็นเพื่อนกับพ่อแม่ ลุงป้า น้าอา มาเป็นเวลายาวนาน

Monday 14 July 2008

Punishment

รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี เป็นสำนวนไทยแต่โบราณที่ยึดถือใช้กันมาในสังคมไทย ไม่เฉพาะกับในครอบครัวเท่านั้น แต่ค่านิยมนี้มันยังแผ่กระสานซ่านเซ็น ไปยังในสถาบันการศึกษาอีกด้วย


ในชีวิตผมการถูกลงโทษในสถาบันการศึกษาเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ผมไม่เคยลืมเลยโดยเฉพาะการถูกลงโทษโดยการตีด้วยไม้เรียวในวิชาภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นต้นมา


ชีวิตการถูกตีในรายวิชาภาษาอังกฤษของผม เริ่มต้นจากการที่ผมตัดสินใจเข้ามาศึกษาต่อในกรุงเทพฯ เมื่อตอนอยู่ชั้น ป.5 เนื่องจากการเป็นเด็กต่างจังหวัด ดังนั้นโอกาสในการศึกษาย่อมลดหลั่นกันไปตามระยะห่างจากเมืองหลวงของประเทศ ในสมัยนั้นเด็กต่างจังหวัดจะเริ่มได้เรียนภาษาอังกฤษก็เมื่ออยู่ชั้น ป.5 เป็นปีแรก ก็คือรายวิชา "English is Fun" แต่ผมดันตัดสินใจมาเรียนกรุงเทพฯตอน ป.5 ดังนั้นหายนะจึงมาเยือนแล้ว........................


ที่โรงเรียนนักเรียนที่ผมมาเข้าเรียน นักเรียนส่วนใหญ่จะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ชั้นอนุบาล มาถึงป.5 ไม่ต้องพูดเลยเรื่องการท่อง A ถึง Z หรือการเขียนตัวพิมพ์เล็ก (abcdef...) หรือตัวพิมพ์ใหญ่ (ABCDEFG...) แต่โผล่เข้ามาชาวบ้านเขาก็เขียนตัวเขียนกันแล้ว อย่าว่ากันเลย ในชีวิตตอนนั้นยังไม่รู้จักตัวเขียนเลยด้วยซ้ำว่าเขาเขียนกันยังไง แค่นี้ก็เข้าองค์ประกอบแล้วครับ


ทุกชั่วโมงภาษาอังกฤษ นักเรียนที่ตอบผิดหรือทำไม่ได้จะต้องถูกตีตีตีตีตีตีๆๆๆๆๆๆ อย่างเดียว แล้วการตีแต่ละครั้งจะถูกบันทึกลงใน"สมุดแจ้งโทษ" (ซึ่งจนบัดนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าการไม่รู้ภาษาอังกฤษมันเป็นความผิดขนาดนั้นเชียวหรือ)


ผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่า รายงานการแจ้งโทษของผมยังคงมีการนับคะแนนอยู่อย่างต่อเนื่อง จากหลักหน่วย เป็นหลักสิบ ไปสู่หลักร้อย...... ไม่ผิดครับเดือนๆ นึงเรียนภาษาอังกฤษทุกวัน โดยเฉลี่ยโดนตีวันละ 4-5 ที เดือนนึงก็ 100 แล้ว


จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จากปีเป็นสองปี กระทั่งผมจบ ม.6 คาดว่าไม้เรียวกว่า 1,000 ที โดนตีเข้าที่ก้นผม เพียงเพื่อให้ผมรู้สึกผิดที่ผมไม่รู้ภาษาอังกฤษ หลังจากนั้นเป็นต้นมา ผมตั้งใจไว้ว่า ผมจะไม่ให้ภาษาอังกฤษมาเป็นอุปสรรคในชีวิตของผมอีกต่อไป


นี่แหละที่ว่ารักวัวให้ผูก รักลูกศิษย์ก็ให้ตี อย่างน้อยผมก็ดีใจที่วัฒนธรรมเหล่านี้ได้จางไปแล้วในปัจจุบัน


K-Jay

Friday 4 July 2008

Handwriting

เคยได้ยินกันมั๊ยครับที่ว่า "ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ เจ้าจงอตส่าห์ทำสม่ำเสมียน" จากเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนกำเนิดพลายงามของสุนทรภู่


แค่เกริ่นมาเท่านั้ คงจะรู้และจำกันได้ดี ว่าตั้งแต่เริ่มเข้าโรงเรียน สมัยก่อนจะมีวิชาคัดไทยด้วย เป็นการสอนให้หัดคัดตัวอักษรภาษาไทยให้สวยงาม


ยิ่งผมเป็นผู้ชายด้วยแล้ว เขาว่าลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ ดังนั้นผู้ชายต้องลายมือสวย สิ่งนี้ถูกปลูกฝังลงในหัวผมตั้งแต่เด็ก


ส่วนผลลัพธ์นั้น คนอื่นเข้าก็ว่าลายมือผมสวยนะ แต่ผมก็ว่างั้นๆแหละ เพราะมีคนอื่นที่ลายมือสวยกว่าลายมือผมตั้งเยอะ


แต่ที่เขียนเรื่องนี้ตอนนี้ ก็เพราะใครหนอจะรู้ว่าการมีลายมือสวยนั้นมันเป็นทุกลาภเช่นกัน ดังนั้นหากอ่านแล้วใครลายมือสวยคงน่าจะรับรู้ถึงทุกขลาภนี้เหมือนกัน

  • ประการแรกที่สำคัญ อาจารย์ประจำชั้นมักจะใช้ให้เราเขียนชื่อวิชาในสมุดพกของเพื่อนๆ เพื่อที่ว่าครูประจำชั้นจะได้กรอกแค่คะแนนกับเกรด

  • พวกเราเหล่าคนลายมือสวยจะต้องมีหน้าที่สำคัญในการเขียนรายชื่อนักเรียนทุกคนลงในสมุดกรอกคะแนนประจำวิชาของบรรดาครูๆ ทั้งหลาย แถมบางทียังต้องหอบเอามาเขียนต่อที่บ้านอีกหลายแฟ้ม

  • พวกเราต้องรับขันอาสาอย่างจำใจ เมื่อคุณครูต้องการทำชีท ซึ่งในสมัยก่อนต้องใช้ลายมือเขียนลงกระดาษไข แล้วเอาไปโรเนียว

  • พวกเราต้องเป็นคนคอยทำหน้าที่เขียนวันที่ เดือน ปีพอศอ บนกระดานดำทุกเช้า

  • ทุกครั้งที่ต้องมีการลงมติ พวกเราก็ต้องย้ายก้นมานั่งหน้าชั้น เพื่อเอื้อต่อการเขียนสาระทั้งหลายขึ้นกระดานดำ โดยเฉพาะเมื่อถึงหน้าเทศกาลเลือกหัวหน้าห้อง



    แค่นี้ คงเห็นแล้วหละ ว่าลายมือสวย มันก็มีทุกขลาภ เช่นกันจริงมั๊ย

Tuesday 1 July 2008

Ree Ree Khao Sarn

"รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก
เลือกท้องใบลาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน
คดข้าวใส่จาน พานเอาคนข้างหลังไว้ให้ดี"


พอได้ยินคำร้องนี้ทีไร คิดถึงสมัยเด็กทู้กกะที


สมัยก่อนอย่างที่บอกแหละไม่มีเลยที่จะได้ออกไป Internet Cafe อย่างดีก็ชวนเพื่อนข้างบ้านมาเล่นการละเล่นไทยๆ บ้านๆ เลยอยากเอามาเขียนเพื่อจำไว้ก่อน ที่ผมเล่นสมัยก่อนก็มี รีรีข้าวสาร มอญซ่อนผ้า อีกาฟักไข่ กิงก่องแก้ว เตย (ใครรู้จักบ้าง) อัดมั่ว ตี่จับ เป่ากบ เล่นเบอร์ ตาเขย่ง เขี่ยรูปลอก โป้งแปะ(ซ่อนแอบ) งูกินหาง ม้ากระโดด ชักกะเย่อ โดดเชือก ตีแบต วิ่งเปรี้ยว ทอยเส้น(ทอยตุ๊กตุ่น) หมากเก็บ โดดยาง ตำรวจจับผู้ร้าย ไอ้เข้ไอ้โขง ตะล็อกต๊อกแต๊ก หมากรุก หมากข้าม หมากฮอร์ส Master Logic(ไฮโซมั๊ย) รถเด็กเล่น ตกปลา ลูกข่าง ปั่นแปะ ว่าว ขี่จักรยาน ขายของ โอ๊ยแยะแยะ จนยากจะจำหมด


ว่าแต่เขียนไปตั้งเยอะ รู้จักกันกี่อย่างเนี่ยะ ลองนับดูซิ